2/09/2005

แล้วเจอกัน



พ่อมาที่ทำงานก่อนเพื่อมาบอกย่าเยอรมันว่า ไอ้ที่นัดกันไว้เมื่อวานน่ะเป็นอันว่าแห้ว(ไม่สมหวัง) จริงๆ แล้ว
ใครที่ต้องอยู่โรงพยาบาลนานเกินกว่า 3 วัน ก็คงจะมีความรู้สึกหดหู่เป็นธรรมดา พ่อเองที่ต้องไปอยู่เป็น
เพื่อนแม่ทุกวันก็คงมีความรู้สึกเดียวกับแม่ นั่นคือเศร้า ความเศร้านี้มันส่งผลให้พ่อซึ่งแข็งทื่อ ไม่รู้ร้อนรู้
หนาว แต่วันนี้น้ำตาลูกผู้ชายต้องหลั่ง ก็พ่อเจอย่าเยอรมันแล้วพ่อก็บอกเธอว่าอืมวันนี้ไม่ต้องไปรับแม่แล้ว
นะ ย่าก็ถามว่าทำไมหล่ะ เท่านั้นเองพ่อก็น้ำตาไหลแล้วบอกกับย่าว่าผมตัวเหลืองเกินไป หมอไม่ให้กลับ
(จริงๆ แล้วเป็นเรื่องที่โรงพยาบาลจะเรียกเงินจากประกันเพิ่ม ทั้งๆ ที่จริงๆ แล้วการที่ตัวเหลืองไม่มากนั้น
ไม่มีปัญหาอะไร เด็กทุกคนเคยผ่านสถานะนี้มาแล้วแทบทั้งนั้น) พ่อพูดพร้อมกับน้ำตาซึมที่ขอบตา ภาพที่
เห็นน่ารักพอดู ผู้ชายหัวยุ่งๆ ผมไม่เคยหวี กับหญิงเยอรมันวัยห้าสิบกว่าอ้วนๆ สวมกอดกัน ในขณะที่พ่อผม
ร้องไห้ ย่าก็ตบหลังเบาๆ พร้อมกับปลอบว่าไม่มีอะไรหรอก เด็กทุกคนก็ตัวเหลืองกันทั้งนั้น ซึ่งนั่นก็ทำให้
พ่อยิ้มได้

พ่อไปเจอแม่ที่โรงพยาบาลอีก สองคนพ่อแม่ต่างหน้าตาไม่ค่อยดี ในขณะที่ผมก็ยิ้มอยู่แทบทุกครั้งที่ตื่น
ก็คงทำได้เท่านี้แหละ แม่เริ่มมีปัญหาคือเบื่ออาหาร ก็จะไม่ให้เบื่อได้อย่างไร อาหารโรงพยาบาลที่รู้กันว่า
แย่อยู่แล้ว แต่คำพูดที่ว่า "สิ่งที่แย่ที่สุดยังมาไม่ถึง" นั้นใช้ได้เสมอ ก็อาหารในโรงพยาบาลนั้นแย่ยิ่งกว่าแย่
ซะอีก ขนาดที่ว่าหญิงรัสเซียยอมอดไม่ยอมกิน

สิ่งที่พอจะทำให้หัวใจของพ่อกับแม่ชุ่มชื่นขึ้นมาได้บ้างก็คือสองสามวันมานี้มีคนมาเยี่ยมเยอะมาก
ก็เป็นน้องนักเรียนไทยที่เรียนอยู่ที่นี้ ซึ่งสลับกันมาทีละห้าคนสิบคน นอกจากนั้นก็มีเพื่อนร่วมห้อง
เรียนของแม่ก็มา แต่ละคนมาก็มีของฝากติดไม้ติดมือมาคนละชิ้นสองชิ้น เพื่อนแม่บางคนก็ทำอาหาร
มาให้กิน กะว่าจะมากินด้วยกันที่โรงพยาบาล แต่ปรากฎว่าจานชามช้อนที่นี่ไม่มี ก็เลยเสร็จพ่อ พ่อก็เอากลับไปกินที่บ้านแทน

วันต่อมาพ่อก็มาเยี่ยมแม่เป็นปกติ แม่ก็บ่นพยาบาลให้ฟังเป็นปกติ ผมก็ยังดูดนมแม่ซึ่งไม่ค่อยจะมีเป็นปกติ
กว่าพยาบาลจะเข้าใจว่านมในอกแม่มันแข็งเป็นก้อนอยู่ ก่อนให้ลูกดูดต้องเอาน้ำอุ่มมาประคบ หรือให้แม่
กินน้ำร้อนก่อน ก็เกือบจะสาย หมายความว่าผมเกือบจะต้องกินนมขวดแล้วจะไม่กลับไปกินนมแม่อีกเลย
(กินนมขวดนั้นง่ายกว่านมแม่มากนัก ไม่ต้องออกแรงดูดก็มีน้ำนมไหล เด็กและแม่เด็กส่วนใหญ่จะนิยม
ชมชอบนมขวดกันทั้งนั้น) ที่เป็นเช่นนั้นเพราะตามตำราหมอห้ามนักห้ามหนา ว่าสองอาทิตย์แรกอย่าสลับ
การให้นมขวดกับนมแม่เด็ดขาด แต่กรณีผมมันช่วยไม่ได้ เพราะน้ำหนักตัวผมลดลงอย่างมาก ก็ต้องกิน
อะไรบ้างเพื่อพยุงน้ำหนัก แต่การสลับนมกันกินนี้ไม่มีผลสำหรับผม ผมแยกแยะได้ว่าอันไหนนมแม่อันไหน
นมวัว (พ่อมารู้ทีหลังว่า นมแม่นั้นจะมีรสออกหวานๆ ในขณะที่นมสำเร็จรูปนั้นไม่เป็นรสเอาซะเลย)

วันนี้ก็เป็นวันที่เราสามคนมีความสุขมาก เพราะหมออนุญาตให้แม่กลับบ้านได้แล้ว เมื่อพ่อรู้ พ่อก็รีบโทรไป
บอกย่าเยอรมันทันที เธอก็บอกให้รอครึ่งชั่วโมงและให้เตรียมของให้เรียบร้อย เหมือนฟ้ากลั่นแกล้ง เพราะ
อาหารมื้อสุดท้ายของแม่นั้นเป็นไก่เสียบไม้ย่าง ร้านด้วยน้ำซ็อส แสนอร่อย (คนรัสเซียตื่นเต้นจนเรียกให้
แม่ดูอาหาร) แม่กินไปได้นิดหน่อย พ่อก็กินแทนด้วยความเต็มใจ