3/29/2005

ปวดท้องแล้วร้องไห้


พ่อกับแม่นอนแล้ว แต่เจ้าปีศาจร้ายตัวนั้นยังไม่หลับ ตอนนี้มันเริ่มเคลื่อนไหวอีกครั้งหนึ่ง
นาฬิกาตอนนี้เข็มสั้นเข้าใกล้เลขสองเข้าไปทุกขณะ ผมอดตื่นเต้นไม่ได้กับการที่จะได้เจอ
มันอีก แน่นอนการต่อสู้กับมันครั้งนี้ผมต้องชนะโดยไม่ต้องการความช่วยเหลือใดๆ จาก
พ่อและแม่ บรรยากาศยามค่ำคืนที่เงียบสงบบวกกับกระแสลมเย็นที่เล็ดลอดเข้ามาจากนอก
หน้าต่างช่างเป็นใจกับการต่อสู้ที่ยิ่งใหญ่ครั้งนี้เสียจริงๆ

และแล้วเข็มยาวของนาฬิกาเรือนเดียวบนฝาผนังก็เคลื่อนตัวเข้าสู่เลขสิบสอง เจ้าปีศาจ
ร้ายไม่รอให้ผมตั้งตัว มันเริ่มพลิกตัวไปมาเป็นการเริ่มต้น ผมสะดุ้งเฮือกแต่ยังๆ ยังไม่มี
ความเจ็บปวดใดๆ เกิดขึ้นกับผม ผมจำต้องบิดตัวเพื่อให้อยู่ในท่าที่สบายและเตรียมพร้อม
เสมอ ยังมิทันที่ผมจะได้ตั้งท่า เจ้าปีศาจร้ายซึ่งเจนจัดในการต่อสู้ก็ไม่รีรอให้ผมตั้งท่า มัน
สบับหัวและหางซึ่งเต็มไปด้วยหนามแหลมหลายร้อยหลายพันเล่ม เป้าหมายคือท้องของ
ผม "แอะ แอะ" ผมทำได้ก็เพียงแต่ร้องเบาๆ ออกมาสองคำ พยายามสะกดกลั้นความเจ็บ
ปวดเพื่อไม่ให้มีเสียงร้องไปทำให้พ่อและแม่ตื่น ผมสบัดแขนขึ้นเหนือหัวสุดแรงเกิดครั้ง
แล้วครั้งเล่า แต่ป่วยกาลเจ้าสัตว์ร้ายมิเพียงแต่ไม่เป็นอะไร มันยังอาศัยช่องโหว่ของผม
ปล่อยหนามแหลมหลายร้อยหลายพันเล่มโจมตีท้องผมไม่หยุดหย่อน

"แว้ แว้ แว้ ... แว้ก แว้ก แว้ก" ไม่ไหวแล้ว พ่อแม่ช่วยด้วย น้ำตาลูกผู้ชายของผมไหลเ่อ่อ
ร่างกายสุดที่จะทนทานต่อไปไหวแล้ว มันทรมานเหลือเกิน

เสียงพ่อกับแม่คุยกัน ในขณะที่ผมยังคงดิ้นทุรนทุรายต่อไป พ่อจับผมคว่ำหน้าลงกับท่อน
แขนข้างซ้าย มือขวาก็ตบหลังผมเบาๆ สลับกับการบีบนวดที่ท้องผม เจ้าปีศาจดิ้นทุรน
ทุรายพร้อมกับกำลังที่ลดลงไปเรื่อยๆ จนในที่สุดมันก็หมดแรงและสงบนิ่งลง เป็นอันว่า
การต่อสู้ของผมกับมันในวันนี้จบลงที่พ่อผมเป็นผู้ชนะ

3/22/2005

ชีวิตสองอาทิตย์แรก

หลังจากกลับถึงบ้าน ด้วยเหตุผลอะไรก็ไม่ทราบ มีปานปรากฎขึ้นที่แก้มผม ซึ่งพ่อกับแม่ไม่ค่อยสบาย
ใจเรื่องนี้นัก กลัวมันใหญ่ขึ้น แล้วจะเป็นปมสำหรับผมตอนโต แต่การมีปานนี้ยายหมอเยอรมันดีใจนัก
หนา บอกว่าเป็นจุดบอกว่าเป็นผมน่ะ อีกเรื่องหนึ่งก็คือตัวผมค่อนข้างคล้ำ ซึ้งแรกๆ พ่อกับแม่ก็ไม่ค่อย
ชอบใจซักเท่าไหร่ ก็ธรรมดาคนไทย ที่อยากให้ลูกออกมาขาวอวบ เอาเป็นว่าช่วงแรกนอกจากจะผอม
แล้วยังไม่หล่ออีก แง แง

ชีวิตผมสองอาทิตย์แรกช่างสุขีสโมสรเสียเหลือเกิน กินๆ แล้วก็นอนพักผ่อนสบายใจ จนพ่อร้องเพลง
ฉันเป็นหนอนให้ฟังอยู่เป็นประจำ น้ำนมแม่ก็เริ่มมีมากขึ้นจากการกินน้ำร้อน อาหารอะไรที่กินแล้วเค้า
บอกว่ามีน้ำนม พ่อก็จะไปหาซื้อมาทำให้ ช่วงพักฟื้นแม่ก็ไม่ไปไหน อยู่กับผมตลอดเวลา พ่อก็รีบกลับ
บ้านไม่มีการโอ้เอ้ ภาพพจน์ของผมดีมากจริงๆ ดึกๆ ถึงจะตื่นขึ้นมาร้องหิวนม แต่พอกินเสร็จก็หลับต่อ
อย่างรวดเร็ว ช่วงนี้พ่อกับแม่ก็สลับกันตื่นขึ้นมาดูแลผม

การกินอาหารของผมก็เป็นไปตามขั้นตอน กินนมขวดสลับกับนมแม่บ้างขึ้นกับโอกาส ที่ยังน่าห่วงก็
คือน้ำหนักผมก็ยังไม่ขึ้นเท่าใดนัก ถึงแม้ตอนออกจากโรงพยาบาลจะขึ้นมาบ้างก็เถอะ แต่ชีวิตก็ต้องมี
สุขบ้างทุกข์บ้างคู่กันเป็นของธรรมดา

ปัญหาที่พบบ่อยสำหรับผมก็คือการสะอึก ผมสะอึกบ่อยมากแทบจะทุกครั้งที่เปลี่ยนผ้าอ้อมสำเร็จรูป
นอกจากนั้นเนื้อหนังตามตัวก็เริ่มลอก ที่สะดือก็มีเลือดออก ตาก็ยังอักเสบอยู่มีขี้ตาติดตาอยู่เป็น
ประจำ และที่สำคัญคือผมจะปวดท้องร้องไห้งอแงตอนดึกๆ เสมอ ทั้งนี้เพราะท้องผมมีลม พ่อแม่แก้
้ปัญหาด้วยการโทรไปหายายหมอว่าอาการที่เกิดขึ้นจะอันตรายมากไหม ก็ได้ความว่าเป็นธรรมดา
แต่ถ้ากังวลก็ให้มาหาสิ หลังจากที่ส่งเงินค่าประกันงวดแรกไปแล้ว พ่อก็ไม่รีรอ รีบพาไปหายายหมอ
ทันที เนื่องจากความกังวลเพราะผมตัวเล็ก พ่อคิดว่าผมไม่สมบูรณ์ แต่ผมก็พยายามยิ้มบอกพ่อเสมอ
ว่าผมสบายดีนะไม่เป็นไร ทุกครั้งที่พ่อคุยกับแม่ถึงเรื่องผม ผมก็จะยิ้มรับเสมอ

พ่อจับผมใส่ห่อ ผูกหมวก อยากรัดกุม ไปหายายหมอ หลังจากชั่งน้ำหนัก วัดส่วนสูงแล้ว ต้องทำอีก
อย่างหนึ่งนอกเหนือจากโรงเรียนประถมทั่วไปในเมืองไทย นั่นคือวัดขนาดกระโหลกศีรษะด้วย วัดว่า
มันโตตามปกติหรือไม่ ไว้วันหลังผมจะเล่าให้ฟังว่าเค้าวัดไปทำไม ยายหมอถามพ่อว่า เอ้ามีอะไรกังวล
บอกมา พ่อก็บอกไปว่าผมหนังลอก หมอก็เอาครีมทาให้ แล้วหันไปดุแม่ว่า ฉันบอกเธอแล้วใช่ไหมว่า
ให้เตรียมครีมพวกนี้เอาไว้ พอเสร็จพ่อก็ชี้ไปที่สะดือว่ามีเลือดออก ยายหมอก็เช็ดแผลแล้วก็เอายาใส่
พ่อก็ชี้ไปที่ตา หมอก็บอกเดี๋ยวสั่งยาหยอดตาให้ แล้วพ่อก็ถามว่าปวดท้องหล่ะ หมอก็บอกเดี๋ยวให้ยา
เหน็บตูดกับชาไปชงกิน แล้วสะอึกหล่ะ หมอยิ้มแล้วบอกว่าก็ปล่อยให้สะอึกไปสิ มันแก้ไม่ได้นี่นา

3/15/2005

กลับบ้าน

รถญี่ปุ่นคันโตที่ขับโดยย่าเยอรมันพาเราสามคนกลับสู่บ้านอันแสนสุขอีกครั้ง ก่อนจะได้กลับผมต้องแต่งตัว
อย่างรัดกุมมากๆ ก่อนจะถูกจับนอนลงในกระเป๋าแคบๆ ซึ่งในตอนนั้นก็ยังดูว่าใหญ่โตเกินไปสำหรับผม
กระเป๋าใบนี้พ่อกับแม่ได้ซื้อไว้ก่อนผมเกิดประมาณอาทิตย์กว่าๆ ถึงใบจะเล็กแต่ราคาก็สูงมากถึง 59 ยูโร ทั้งๆ ที่เป็นยี่ห้อธรรมดา ยี่ห้อนี้เป็นยี่ห้อยอดนิยมเพราะราคาถูกคุณภาพปานกลาง ซึ่งถ้าเป็นของที่ดีกว่านี้
หรือยี่ห้อที่คนมีเงินใช้กันก็จะราคาสูงขึ้นไปอีกเท่าตัว พูดถึงกระเป๋าใบนี้ พ่อและแม่ต้องใช้ความพยายาม
อย่างมากกว่าจะได้มันมา ไม่ว่าจะเข้าไปประมูล ebay หรือไปเดินหาตามร้านค้าทั่วไป กว่าจะได้ต้องใช้
เวลาหลายอาทิตย์ทีเดียว



การแต่งตัวเพื่อออกไปสู่โลกภายนอกของผมนั้น นอกจากกระเป๋าแล้ว ผมจะต้องมีหมวกที่ปิดหูได้และหนา
พอที่จะป้องกันผมจากความหนาวได้ เรื่องหมวกนี่ก็เป็นอีกปัญหาหนึ่งที่พ่อและแม่ต้องใช้ความพยายาม
มากกว่าปกติ เพราะว่าของสำหรับเด็กที่นี่ดูเหมือนทุกสิ่งทุกอย่างจะทำไว้เพื่อคนที่ตัวโตกว่าผมทั้งนั้น
ทั้งที่จริงๆ แล้วเด็กแรกเกิดทั่วโลกขนาดจะไม่ต่างกันมากนัก แต่ผมดันไปเกิดในกลุ่มตัวเล็กเอง ทำให้ไม่
ว่าจะเป็นหมวกใบที่แม่กับพ่อเลือกซื้อมา เสื้อผ้าชั้นใน ผ้าอ้อมสำเร็จรูป รวมไปถึงเสื้อกันหนาวชั้นนอก
ดูจะใหญ่โตเกินไปสำหรับผม เสื้อผ้าส่วนใหญ่ที่มีอยู่ตอนนั้นก็มีของย่ากับยายซึ่งส่งมาจากเมืองไทย
ที่ส่วนใหญ่นั้นใหญ่เิกินไปสำหรับผมจริงๆ สาเหตุก็เนื่องมากจากข้อจำกัดหลายๆ อย่าง เช่นเสื้อผ้าต้อง
หนา ทำให้ทางเลือกที่เมืองไทยมีไม่มากนัก เสื้อผ้าที่พอจะใส่ได้ก็จะเป็นของพี่ลูกครึ่งข้างบ้าน กับชุดที่
น้องๆ นักเรียนไทยไปซื้อต่อจากเพื่อนอีกที ชุดเหล่านี้เล็กพอที่จะใส่แนบเนื้อผม และหลายๆ ตัวก็เป็นชุด
เก่งเลยหล่ะ

การแต่งตัวออกจากบ้านของผมจะมีขั้นตอนที่ยุ่งยากดังนี้
  1. ใส่ผ้าอ้อมสำเร็จรูป ใส่ชุดในที่เรียกกันว่า body
  2. ใส่ชุดนอกซึ่งอาจจะเป็นชุดไม่มีแขน กรณีที่ body เป็นแขนยาว ชุดนอกนี้ถ้าจะให้ดีต้องเป็นชุด ที่มีถุงเท้าในตัว และมีกระดุมที่ขากับก้น เพื่อความสะดวกในการเปลี่ยนผ้าอ้อมสำเร็จรูป
  3. ใส่ถุงมือ ที่หนาพอสมควร
  4. ใส่เสื้อกันหนาวชั้นนอก
  5. ใส่หมวก
  6. ใส่กระเป๋า
กว่าจะเสร็จสำหรับพ่อแม่มือใหม่ก็กินเวลานานมากๆ ทั้งนี้เพราะว่าทุกครั้งที่ผมร้องเนื่องจากไม่สบายเนื้อ
สบายตัว หรือโดนขัดใจบังคับให้ยัดแขนใส่โน่นใส่นี่ พ่อแม่ก็จะหยุดด้วยความกลัวว่าคิดว่าผมจะเจ็บ ใส่ๆ
หยุดๆ กว่าจะเสร็จได้ก็กินเวลานานมาก ในครั้งแรกนี้เนื่องจากย่าเยอรมันรออยู่ (ต้องไปทำงานต่อ ทิ้งงาน
มารับผมทีเดียว ย่าใจดีกับผมากๆ) และชุดนอกที่พ่อซื้อให้นั้นใหญ่มากๆ ผลที่ได้จึงออกมาดังรูปข้างล่าง
รูปทางซ้ายคือตอนปกติ รูปทางขวามือคือพร้อมที่จะออกแล้ว


ช่วงแรกๆ นี้เสียงร้องของผมจะน่าสงสารมากจริงๆ นะ พ่อกับแม่จึงไม่ค่อยกล้าทำอะไรแรง ผิดกันกับคุณ
พยาบาลที่ทำผมแบบรุนแรงมากเลย นัยว่ายิ่งเร็วยิ่งทำให้ผมได้รับความเจ็บปวดน้อย