1/17/2006

เมื่อหมาอ้วนตกเตียง



ในชีวิตของลูกหมาตัวเล็ก ๆ หนึ่งตัว คงต้องมีอย่างน้อยซักครั้งที่ต้องเจ็บจนน้ำตาไหล
ลูกหมาน่ารัก ๆ อย่างผม ก็ไม่อาจละเว้นชะตากรรมอันน่ารันทดนี้ไปได้ เมื่อนึกถึงทีไร
น้ำตามันก็ไหลเอ่อท่วมเบ้าตาไปซะทุกครั้ง

ขณะที่ผมกำลังนอนหลับฝันหวานท่ามกลางวงมโหรีวงใหญ่อยู่นั้น ผมก็เริ่มรู้สึกว่าพื้น
อุ่นๆ เบื้องล่างกำลังหายไป ร่างกายอันน่าทะนุถนอมของผมพุ่งร่วงลงจากเตียงอันนุ่ม
สบายลงไปสู่พื้นพรมอันแข็งกระด้างในเวลาชั่วหนึ่งอึดใจ แรงกระทำตามกฎของ
นิวตันทำให้ผมเจ็บจนน้ำตาไหล ความเป็นลูกผู้ชายหมดลงตรงนั้น ผมร้องไห้จ้า เกือบ
จะทันที โดยไม่รั้งรอให้เฮือกการร้องที่สองของผมดังขึ้นหรือพูดง่าย ๆ ว่าเร็วกว่า
เกียร์บันแปลงร่าง แม่ก็โผเข้ามากอดผมแล้วดึงผมขึ้นไปสู่อ้อมอกอันอบอุ่น นุ่มละไม ผมร้องไห้สะอึกสะอื้นในอ้อมอกแม่ มันไม่ใช่ความฝันแต่มันเป็นความจริงที่พ่อผงก
หัวตื่นขึ้นมาในขณะที่ผมเริ่มสงบแล้ว คงเป็นเพราะพ่อได้ยินเสียงแม่ร้องไห้ พอพ่อ
เห็นว่าทุกอย่างเรียบร้อยดี ก็ล้มตัวลงนอนต่อไปเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ในขณะที่
แม่บอกผมว่าเตียงมันก็กว้างอยู่นะลูก

นี่เป็นหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อไม่นาน ในขณะที่ผมอายุได้ประมาณ 14 เดือน มันไม่ใช่
ครั้งแรก ผมจำได้ว่าครั้งแรกๆ มันเกิดเมื่อผมอายุได้ประมาณเกือบ 5 เดือน มันเป็น
ช่วงที่ผมเริ่มพลิกตัวไปมาได้ ผมพลิกเพลินไปหน่อยก็หลุดตกเตียงไป ถ้านึกไม่ออก
ว่ามันน่ากลัวขนาดไหน ก็ให้ลองจินตนาการดูว่า เด็กประมาณหนึ่งอ้อมกอด ตกจาก
ที่สูงฟุตครึ่งจากเตียงนุ่มๆ ลงมาสู่พื้นพรหมแข็ง ครับมันเจ็บและเป็นเจ็บที่ลูกหมา
ทุกตัวที่ควรจะผ่าน ใครที่ไม่เคยผ่านเมื่อโตขึ้นอาจจะโดนเพื่อน ๆ ล้อได้

ถ้าจะนับว่าระหว่างพ่อกับแม่ ใครทำให้ผมตกเตียงมากกว่ากัน คุณๆ อาจจะตอบว่า
ต้องแม่แน่ๆ เลย เพราะผมควรจะอยู่กับแม่มากกว่าพ่อ นั่นทำให้คุณได้คะแนนศูนย์
แล้วหล่ะ เพราะถึงแม้ว่าผมจะอยู่กับพ่อด้วยเวลาเพียงหนึ่งในสามของแม่ แต่พ่อก็ ทำให้ผมตกเตียงได้มากพอ ๆ กับแม่หรืออาจจะมากกว่าด้วยซ้ำ ก็เพราะเวลาพ่อดู
แลผม ก็ดูแต่ตา และค่อนข้างปล่อยให้ผมทำโน่นทำนี่ไปเรื่อย ยิ่งเมื่อผมอยู่บนเตียง
ด้วยแล้ว พ่อก็มักจะใช้หลังดูแลผม หรือไม่บางทีก็หลับตาดู เป็นอย่างนี้อยู่เรื่อยไป
มีอยู่ครั้งหนึ่งกลางดึก ซึ่งโดยปกติแล้วพ่อจะต้องมีหน้าที่ไปชงนม เหตุผลของพ่อ
คือพ่อเสียสละ แต่ความจริงแล้วพ่อมักจะหลับก่อนแม่ชงนมเสร็จ ครั้งนี้พ่อต่อรอง
ให้แม่ไปชงนมแล้วพ่อจะดูลูก ไม่น่าเชื่อว่าเวลาเพียงน้อยนิดพ่อก็หลับได้ราวกับ
โนปิตะกลับชาติมาเกิดไงงั้นเลย ผลที่ได้ก็คือผมตกเตียง แล้วพ่อก็ต้องโดนแม่ดุ
ไปตามระเบียบ แต่ยังไม่ทันที่แม่จะได้ดุอะไรมาก พ่อก็ชิงหลับไปซะแล้ว

เมื่อเล็ก ๆ กรณีตกเตียงของหมาอ้วนอย่างผมนั้น เกือบทั้งหมดเกิดจากการประเมิน
ความสามารถและความไวของผมต่ำกว่าที่ควรจะเป็น การวางผมไว้อีกมุมหนึ่งของ
เตียง แล้วเดินออกไปเข้าห้องน้ำนั้น เป็นการประเมินต่ำอย่างมาก เพราะช่วงเวลา
แค่เพียงหนึ่งนาทีที่พ่อเดินออกไป ผมก็สามารถพลิกไปอีกด้านหนึ่งของเตียงได้แล้ว

เมื่อโตขึ้นมาหน่อย ผมก็คงเหมือนกับเด็กทั่วไปคือ ต้องคิดได้แล้วหล่ะว่าทำไมถึง
ตกเตียง ก็แน่หล่ะตกเตียงมันเจ็บ ใครหล่ะอยากจะเจ็บซ้ำแล้วซ้ำเล่า ผมไ่ม่ใช่หมา
โง่นี่นา ถึงจะยอมเจ็บซ้ำแล้วซ้ำเล่า ผมเริ่มทำการวิเคราะห์และคำนวณท่วงท่าที่
เหมาะสม กว่าจะเสร็จก็ต้องลำบากแม่คอยพยุงอยู่หลายครั้ง และในที่สุดผมก็พบ
ว่าการลงจากเตียงที่ถูกวิธีนั้น เมื่อเราอยู่ห่างจากของเตียงประมาณหนึ่งฟุตหรือ
มากกว่า ขึ้นอยู่กับความยาวของร่างกาย เราจะอยู่ในโซนตกเตียงแล้วให้เราพลิก
ตัวร้อยแปดสิบองศา แล้วค่อย ๆ คลานถอยหลังลงจากเตียงไป โดยค่อย ๆ ทิ้ง
น้ำหนักลงบนเท้าทั้งสองนั่นแหละ แต่ชีวิตมักไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ ถึงแม้ว่า
ท่าคลานถอยหลังลงเตียงสะท้านโลกจะได้รับการฝึกหัดเป็นอย่างดี แต่ในเมื่อมี
กระบวนท่า มันย่อมต้องมีจุดอ่อน บ่อยครั้งที่ผมชะล่าใจเกินเหตุ ใช้ความเร็วคงที่
ตั้งต้นโดยลืมนึกถึงกฎข้อที่สามของนิวตันไป ทำให้ผมพลิกตัวไม่ทัน แทนที่จะ
หมุนได้ร้อยแปดสิบ ก็หมุนได้แค่ร้อยยี่สิบเท่านั้น แน่หละครับจากหมุนตัวลงเตียง
ก็กลายเป็นไถลลงเตียง สะโพกลงก่อนแล้วก็ตามด้วยหัว นี่ยังไม่พอนะครับ สมัย
ที่ผมยังสั้นเกินไป เมื่อลงจากเตียงแล้วขาจะแตะพื้นไม่ค่อยมั่นคงเท่าไหร่ เมื่อ
ปล่อยมือเพื่อจะเข้าสู่ท่าคลานดุ๊ก ๆ อันเลื่องชื่อของหมาอ้วน มันมักจะไม่ค่อยได้
ผล คราวนี้เป็นไหล่ หลัง และหัวตามลำดับ

ทุกวันนี้ ถ้าไม่ง่วงงัวเงีย หรือหิวนมจนหน้ามืด ผมก็จะไม่ตกเตียงอีกแล้ว ผม
สามารถขึ้นเตียงและลงเองได้แล้วอย่างสบาย ทุกครั้งที่ผมจะขึ้นเตียงเอง พ่อ
มักจะถามแม่ว่า "หมาอะไรขึ้นเตียงได้" แม่ก็ตอบทันทีว่า "หมาพยายาม"