8/22/2006

เมื่อหมาอ้วนตกเตียงแรง

 เรื่องตกเตียงนั้นเป็นเรื่องธรรมดาของ ผมก็
 ตกมันเป็นประจำทุกอาทิตย์อยู่แล้ว เมื่อวาน
 ก็พึ่งตกจากเตียงตัวเอง กลิ้งลงมาเอียงกระเท่
 เล่อยู่ข้างล่าง แต่นั่นไม่หนักหนาอะไร ก็มัน
 เป็นเตียงเด็กความสูงไม่ถึงหนึ่งคืบ

 หนึ่งคืนก่อนหน้ามีเหตุการณ์ที่ค่อนข้างระทึก
 ขวัญ ผมลุกขึ้นมากลางดึกตามประสาคนไม่
 ชอบเปียก เมื่อลุกขึ้นมาตามประสาคนรักแม่
 ก็ต้องมองหาแม่เป็นธรรมดา หาแม่ไม่เจอก็
 ย่อม โมโห แม่ไปไหน ด้วยความที่ไม่ค่อยจะ
ระวังตัวอยู่แล้วตามประสา(อีกแล้ว)หมาง่วง จุดที่อยู่ก็ไม่น่าจะไปอยู่ ตรงนั้นมันเป็นขอบเตียง
ของพ่อกับแม่ พ่อที่หลับอยู่ลืมตาขึ้นมามอง แม่ที่อยู่ไกลออกไปร้องเตือนให้ผมระวังจะตก
เตียงเสียงดังลั่น พ่อซึ่งอยู่ในอารมณ์ฝันก็ได้แต่ขยับตัว แต่แรงโน้มถ่องของโรคไม่เคยปราณี
ใคร มันลากศีรษะอันเบาะบางของผมเอียงลงไปยังพื้นเบื้องล่าง ไม่กี่วินาทีศีรษะซึ่งไม่ใช่ผล
ส้มก็หล่นไปกระทบพื้นดังลั่น จากหลับ ๆ ก็ตื่นขึ้นมาทันทีพร้อมทั้งน้ำตาของลูกผู้ชายก็เอ่อ
ล้นออกมาท่วมแปลงขนตาทันที ผมส่งเสียงร้องไห้ด้วยทั้งความเจ็บและความโกรธ สิ่งที่ร่ำ
ร้องหาตอนนี้มีแต่แม่แน่นอน ผมโผเข้าซบกับออกแม่ มันยังคงอบอุ่นเหมือนเคย ในขณะที่
แผ่นอกของแม่ทำหน้าที่ให้ความอบอุ่นอยู่นั้น ตาของแม่ก็ทำหน้าที่ผลิตน้ำตาพร้อมทั้งขับให้
มันไหลออกมาทันทีโดยไม่ตั้งตัว แม่ยอมรับผิดทุกเรื่อง ทั้ง ๆ
ที่ไม่ใช่ความผิดแม่ แต่เป็น
ความผิดผม

พ่ออาจจะเป็นคนเดียวในโลกที่สามารถทำใจให้สงบได้ในสถานการณ์อย่างนี้ มันไม่ใช่ครั้ง
แรก แต่มันจะเป็นต่อไป พ่อพยายามทำสีหน้าให้ดูตื่นตนกที่สุดเท่าที่จะทำได้ มันไม่ง่าย
ใช่ พ่อพยักหน้าให้ผมนิดนึง และดูพออกพอใจที่เสียงร้องของผมเต็มไปด้วยความโกรธและ
ความเจ็บปวด นั้นหมายถึงว่า(พ่อคิด) ตราบใดที่คนเราแสดงความโกรธออกมาได้และ
พยายามโยนความผิดของตัว(ของผม)ให้คนอื่น(พ่อแม่)ได้นั้น มันย่อมหมายถึงสภาพร่าง
กายที่ยังดีอยู่ สมองยังคงทำหน้าที่ได้ปกติ พ่อได้ยืนยันต่อแม่ว่าไม่ให้ไปหาหมอโดยที่ไม่
นัดในวันพรุ่งนี้ นั่นหมายถึงเจตนาของแม่ที่จะไปหาหมอในคืนนี้ดับลงไปตั้งแต่มันยังไม่ได้
เริ่มจุด แม่มีเหตุผลที่จะไปในคืนนี้ ก็แทบทั้งใบหูของผมนั้นกลายเป็นสีม่วงเข็ม และมันก็
บวมช้ำ ส่วนพ่อนั้นนอกจากจะง่วงแล้ว ยังยืนยันว่าผมไม่ได้เป็นอะไร

ผมยังคงร้องโวยวายต่อไปอีกพักหนึ่ง ในขณะที่พ่อก็ยังหลับ ๆ ตื่น ๆ ส่วนแม่ก็ยังคงร้องไห้
ฟูมฟาย พ่อทำหน้าที่ลุกไปชงนมอย่างเคย เพราะนมนั้นรักษาได้เกือบทุกโรค มันช่วยให้
ผมสงบได้ อ้าว บางทีความเจ็บอาจจะปนอยู่ในความหิวก็ได้ ผมลังเลอยู่พักหนึ่ง เพราะยัง
อยากร้องแสดงความโกรธอยู่ แต่ในที่สุดก็รับนมขวดนั้นมาดื่ม แล้วก็หลับต่อไป

(มีต่อ)

8/15/2006

เมื่อหมาโต

 

 

   เมื่อผมเริ่มโตขึ้น โลกที่เคยกว้างของผมก็
  เริ่มแคบลง   อาณาจักรที่เคยกว้างก็แคบลง
  ไปถนัดตา โลกที่เคยถูกจำกัดด้วยความสูง
  ก็ไม่มีเหลือให้เห็น ที่ไม่เคยเห็นก็ใช้เก้าอี้ต่อ
  ขึ้นไปได้ 
เมื่อผมเริ่มวิ่งได้ ผมก็ต้องการ
  สำรวจทุกหนทุกแห่ง และไม่เคยต้องให้พ่อ
  กับแม่เดินนำหน้า ผมมีความจำเป็นเลิศไป
  ไหมมาไหนเองถูก ถึงแม้จะไม่ได้ไปบ่อย ๆ
  ไม่ว่าจะทางเดินไปจ่ายกับข้าว ทางเดินไปที่
  ทำงานพ่อ ทางเดินไปหาย่าเยอรมัน ผมจำ
  ได้หมด 
ทุกวันนี้ผมเริ่มซนมาก ๆ บางทีแม่
  ก็ไม่ค่อยอยากจะอยู่กับผมตลอดเวลา มีบ่อย
ครั้งที่แม่ต้องการให้ผมหลับนาน ๆ อย่างน้อย ๆ ก็ซักหนึ่งชั่วโมง เพื่อแม่จะได้มีเวลาทำอะไร
ต่ออะไรบ้าง   

ถึงแม้จะซนมาก แต่ผมก็มีบางอย่างที่ทำไม่ได้เหมือนเด็กทั่วไป ในขณะที่เด็กทั่วไปก็ทำ
บางอย่างที่ผมทำไม่ได้ เพราะเรานั้นแตกต่างนั่นเอง พ่อและแม่เริ่มเป็นกังวลในสิ่งที่ผมไม่มี
เหมือนคนอื่น ๆ ซึ่งผมพอจะสรุปเป็นข้อ ๆ ได้อย่างเช่น

  1. ผมไม่ยอมนั่งกระโถน
  2. ผมไม่ยอมพูด
  3. ผมไม่ยอมแปรงฟัน

สามสิ่งที่พูดไปนั้นเป็นสิ่งที่ปวดเศียรเวียนเกล้ามากที่สุดของแม่ อย่างแรกในเมื่อผมไม่ยอม
นั่งกระโถน พ่อและแม่ก็ต้องเสียเงินไปกับผ้าอ้อมสำเร็จรูปซึ่งราคาก็ไม่ใช่ถูกทุก ๆ ครั้งที่มัน
ลดราคา ก็ต้องไปซื้อตุนไว้เป็นกอบเป็นกำ อย่างที่สองในเมื่อผมไม่ยอมพูดแม้อายุจะเข้าใกล้
เลขสองแล้ว มันอาจจะมีสิ่งที่น่าสะพรึงกลัวเกี่ยวกับร่างกายผม เช่น ผมอาจจะหูไม่ดี เป็นต้น
พ่อแม่ก็ต้องพร่ำสอน หรือพูดกับผมบ่อยมากขึ้น ในขณะที่ตามตำราบอกให้หัดให้ผมพูดแค่
ภาษาเดียว ทุก ๆ เช้าผมก็จะได้ดูวีซีดี สอนนับเลขเป็นภาษาไทย สลับกันอยู่สองอัน ถึงแม้
จะฟังจนผมจะหายใจเข้าเป็นพี่ก็องกี้ ตดเป็น brain based learning อยู่แล้ว แต่ผมก็ยังชอบ
ฟังอยู่ ทุก ๆ ครั้งที่มีทำนองเพลงขึ้นมา ผมก็ต้องวิ่งไปดูทุกที อีกไม่นานผมก็คงจะเปิดเองได้
แล้ว

ส่วนปัญหาที่สามนั้น หนักหนาเอาการ เพราะนับวันผมก็เริ่มกินสิ่งแปลกปลอมนอกจากนมมาก
ขึ้น ถ้าผมไม่แปรงฟันหนูมันก็จะไปทำรังในปากหมา ทีนี้ถ้าเผื่อมันขี้ออกมา แม่ก็จะไม่ชอบผม
อีก ทุก ๆ กลางคืนพ่อก็จะคอยสอนให้ผมแปรงฟัน แค่สอนนะจับมือแปรงไม่ได้นะ ผมไม่ยอม อย่างน้อย ๆ ทุกวันนี้ผมก็บ้วนปากเองได้แล้วหล่ะน่า

น้ำหนักตัวที่เพิ่มขึ้นก็เป็นสิ่งที่ไม่ดีสำหรับพ่อแม่เท่าไหร่ โดยเฉพาะเวลาที่ผมกลัว คนที่จะ
ปลอบผมได้ก็มีแต่แม่เท่านั้น ผมไม่เอาคนอื่นหรอกแม้แต่พ่อ นี่เป็นสิ่งที่แม่ไม่ค่อยจะชอบเท่า
ไหร่ เพราะผมหนักและถ้าแม่ต้องอุ้มผมนาน ๆ แม่ก็ต้องปวดแขนไปหลายวันทีเดียว

ด้วยความซนของผมนี่เอง ทุกวันนี้พ่อแม่ก็เฝ้ารอวันที่ผมจะได้เข้าโรงเรียนเยอรมัน