2/09/2006

เมื่อหมาซ่าไม่ออก ตอนที่ 1

ความซ่าของคนเราย่อมต้องมีขีดจำกัด ไม่เว้นแม้แต่กระทั่งหมาน่ารักอย่างผม(อย่าสับสนกับ
เสื้อผ้านะครับ) ผมถูกตั้งฉายาว่า "ซ่าเหมือนแม่ กวนตีนเหมือนพ่อ" โดยสาวโก๊ะอันดับหนึ่งแห่ง
ฮัมบวร์ก ความซ่าของผมไม่เคยหยุดแม้กระทั่งยามเจ็บไข้ ไม่ว่าท้องเสีย เป็นหวัด หรือติดเชื้อ
ไวรัส เชื้อแบคทีเรีย ผมไม่เคยเลยที่จะแสดงอาการของผู้ป่วยให้เห็นเลยแม้แต่น้อย

แต่ความเจ็บป่วยก็ไม่เคยละเว้นใคร วันนั้นผมยังจำได้แม่นในคืนอันแสนหนาวและเงียบสงบ
มีเพียงหมาอ้วนตัวน้อยตัวเดียวเท่านั้นที่ยังหลับไม่ลง ความร้อนในร่างกายมันสูงเกินกว่าที่ผม
จะข่มตาลงได้ ผมเริ่มครางหงิง ๆ เป็นแม่อีกตามเคยที่เริ่มรับรู้ความผิดสังเกตนี้ได้ แม่ดูจะตื่น
ตระหนกอย่างมาก พ่อที่ถูกปลุกให้ตื่นอย่างไม่ค่อยจะเต็มใจนัก กับการที่จะให้มารับรู้เรื่องราว
ของความร้อนที่เพิ่มสูงขึ้นอย่างผิดปกติบนหน้าผากผม ตรงนี้ผมกับแม่ก็เข้าใจพ่อ เพราะว่า
โดยปกติแล้ว ผมจะเป็นเด็กขี้ร้อน (หมอเขียนในหนังสือว่าเป็นเรื่องปกติของเด็ก ๆ) ร้อนขนาด
ที่ว่า พ่อมักใช้ผมผิดวัตถุประสงค์เสมอ ๆ บางครั้งหน้ามืดตามัวเห็นผมเป็นถุงน้ำร้อนไปได้
ด้วยเหตุนี้กระมัง พ่อจึงมักจะมองว่าความร้อนระดับนี้เป็นเรื่องปกติ

แม่พยายามพิสูจน์ต่าง ๆ ด้วยวิธีการต่าง ๆ นานา ให้พ่อเชื่อ ในที่สุดจะด้วยเหตุผลว่าพ่อง่วง
หรืออะไรก็สุดแท้ พ่อก็ยอมรับว่าผมตัวร้อนจริง ๆ ผมเริ่มดิ้นทุรนทุรายเพื่อเพิ่มน้ำหนักให้แม่
เมื่อพ่อเชื่อว่าเป็นจริง พ่อก็มักจะกระทำวิธีการต่าง ๆ นานา โดยไม่ค่อยบอกเหตุผล หรือ
อธิบาย ซึ่งต่างกับแม่ที่ต้องการคำอธิบายก่อนลงมือทำ ครั้งนี้ก็เช่นเดียวกัน พ่อเหน็บยาลดไข้
ให้ผม (แน่นอนที่ตูด) แล้วก็ลงมือถอดเสื้อผ้าผมออกทีละชิ้น จนเหลือแต่เพียงชุดแนบเนื้อสุด
เซ็กซี่ เอาผ้าเช็ดตูดผมมาเปลี่ยนหน้าที่เป็นผ้าเช็ดหน้า (ข้างซองบอกว่าทำได้นะ) เพื่อลด
อุณหภูมิภายนอกของร่างกายผม ในขณะที่ผมยังครางหงิง ๆ ออเซาะอยู่

ถึงแม้จะนอนเตียงเดียวกัน แต่อาการหวาดกลัวของคนสามคนนั้นดูจะแตกต่างกันออกไป
พ่อกลัวว่าผมจะเป็น พาราไทฟอยด์ เหมือนที่พ่อเคยเป็น ซึ่งอาการที่เห็นได้คือตอนกลางวัน
ปกติ แต่ตอนกลางคืนไข้จะขึ้นสูงมาก ๆ ในขณะที่แม่กลัวผมจะชัก ซึ่งอาจจะเกิดขึ้นได้ แล้ว
ถ้าถามว่าเจ้าหมาน้อยอย่างผมนั้นกลัวอะไร สิ่งที่ผมหวาดกลัวที่สุดก็คือ กลัวซ่าไม่ออกน่ะสิ

เมื่อความกลัวแตกต่างกันออกไป การแสดงออกก็แตกต่างกันออกไปด้วย ผมครางหงิง ๆ
ในขณะที่พ่อแสดงความเป็นผู้นำของบ้าน ลุกขึ้นนั่งถางตาดูว่าเมื่อไหร่ผมจะหลับลง ในขณะ
ที่แม่ต้องการคำปลอบโยน มันช่างเป็นความโหดร้ายของวิถีชีวิตในเยอรมันแท้ ๆ ที่วันอาทิตย์
ทุกสิ่งทุกอย่างที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินชีวิตของคนเยอรมันจะปิดหมด คนเยอรมันที่จะมี
ชีวิตรอดก็อาจจะต้องเปลี่ยนตัวเองเป็นคนตุรกีบ้างบางครั้ง นี่รวมไปถึงร้านขายยา เราไม่มียา
อื่น ๆ เลยนอกจากยาลดไข้สำหรับเหน็บก้นผม แล้วมันก็ใกล้จะหมดแล้วด้วย

ย่าหมอ ได้เชิญเราไปเที่ยวบ้านเนื่องในโอกาสอยากรื้อต้นคริตส์มาสเต็มแก่ แต่แขกสำคัญ
อย่างผมยังไม่ได้ยลโฉมมันเลย เราก็ถือโอกาสนี้ไปให้ย่าหมอตรวจซะเลย แล้วจะได้ขอ
ยาลดไข้ไว้สำรองด้วย พอวันจันทร์ครอบครัวเราก็จะไปหาหมอได้แล้ว เมื่อไปหาย่าหมอ
ความซ่าได้เอาชนะความเจ็บป่วยไปจนหมด ผมวิ่งทั่วบ้าน เล่นทุกอย่างที่เล่นได้ จะเวลาค่ำ
เข้ามาเยือน หมาก็เริ่มครางหงิง ๆ ย่าหมอจะผมไปตรวจวัดไข้ โดยการเอาเทอร์โมมิเตอร์
ไปจิ้มตูด ย่าส่งมันกลับมาให้พ่อดู พ่อสังเกตอยู่พักหนึ่งแล้วก็เอามันจิ้มเข้าปาก บ้าเหรอ
ไม่ได้จิ้ม จากนั้นย่าก็เอายาลดไข้มาเหน็บก้นผม แล้วก็ให้คำอธิบายว่าอาการนี้เป็นอาการของ
ไวรัสชนิดหนึ่ง ปล่อยไว้ซักพักก็หายไปเอง ถ้าไม่แน่ใจก็ไปหาหมอ อ้าวแล้วหมอที่อยู่ตรง
หน้านี่หล่ะ พ่อทำหน้างง ๆ ในขณะที่ย่าอธิบายต่อว่า ตอนนี้ตรวจให้ไม่ได้ เพราะไม่มี
เครื่องมือ ต้องเจาะเลือดพิสูจน์โลหิต ถึงจะบอกได้ว่าเป็นอะไรแน่ เอาเป็นว่าทุกอย่างผ่าน
ไปด้วยดีผมยังซ่าได้ แต่ในท้องฟ้าที่เงียบสงบ มันมักจะแฝงความนัยร้าย ๆ เอาไว้เสมอ

Keine Kommentare: