กลับบ้าน
รถญี่ปุ่นคันโตที่ขับโดยย่าเยอรมันพาเราสามคนกลับสู่บ้านอันแสนสุขอีกครั้ง ก่อนจะได้กลับผมต้องแต่งตัว
อย่างรัดกุมมากๆ ก่อนจะถูกจับนอนลงในกระเป๋าแคบๆ ซึ่งในตอนนั้นก็ยังดูว่าใหญ่โตเกินไปสำหรับผม
กระเป๋าใบนี้พ่อกับแม่ได้ซื้อไว้ก่อนผมเกิดประมาณอาทิตย์กว่าๆ ถึงใบจะเล็กแต่ราคาก็สูงมากถึง 59 ยูโร ทั้งๆ ที่เป็นยี่ห้อธรรมดา ยี่ห้อนี้เป็นยี่ห้อยอดนิยมเพราะราคาถูกคุณภาพปานกลาง ซึ่งถ้าเป็นของที่ดีกว่านี้
หรือยี่ห้อที่คนมีเงินใช้กันก็จะราคาสูงขึ้นไปอีกเท่าตัว พูดถึงกระเป๋าใบนี้ พ่อและแม่ต้องใช้ความพยายาม
อย่างมากกว่าจะได้มันมา ไม่ว่าจะเข้าไปประมูล ebay หรือไปเดินหาตามร้านค้าทั่วไป กว่าจะได้ต้องใช้
เวลาหลายอาทิตย์ทีเดียว

พอที่จะป้องกันผมจากความหนาวได้ เรื่องหมวกนี่ก็เป็นอีกปัญหาหนึ่งที่พ่อและแม่ต้องใช้ความพยายาม
มากกว่าปกติ เพราะว่าของสำหรับเด็กที่นี่ดูเหมือนทุกสิ่งทุกอย่างจะทำไว้เพื่อคนที่ตัวโตกว่าผมทั้งนั้น
ทั้งที่จริงๆ แล้วเด็กแรกเกิดทั่วโลกขนาดจะไม่ต่างกันมากนัก แต่ผมดันไปเกิดในกลุ่มตัวเล็กเอง ทำให้ไม่
ว่าจะเป็นหมวกใบที่แม่กับพ่อเลือกซื้อมา เสื้อผ้าชั้นใน ผ้าอ้อมสำเร็จรูป รวมไปถึงเสื้อกันหนาวชั้นนอก
ดูจะใหญ่โตเกินไปสำหรับผม เสื้อผ้าส่วนใหญ่ที่มีอยู่ตอนนั้นก็มีของย่ากับยายซึ่งส่งมาจากเมืองไทย
ที่ส่วนใหญ่นั้นใหญ่เิกินไปสำหรับผมจริงๆ สาเหตุก็เนื่องมากจากข้อจำกัดหลายๆ อย่าง เช่นเสื้อผ้าต้อง
หนา ทำให้ทางเลือกที่เมืองไทยมีไม่มากนัก เสื้อผ้าที่พอจะใส่ได้ก็จะเป็นของพี่ลูกครึ่งข้างบ้าน กับชุดที่
น้องๆ นักเรียนไทยไปซื้อต่อจากเพื่อนอีกที ชุดเหล่านี้เล็กพอที่จะใส่แนบเนื้อผม และหลายๆ ตัวก็เป็นชุด
เก่งเลยหล่ะ
การแต่งตัวออกจากบ้านของผมจะมีขั้นตอนที่ยุ่งยากดังนี้
- ใส่ผ้าอ้อมสำเร็จรูป ใส่ชุดในที่เรียกกันว่า body
- ใส่ชุดนอกซึ่งอาจจะเป็นชุดไม่มีแขน กรณีที่ body เป็นแขนยาว ชุดนอกนี้ถ้าจะให้ดีต้องเป็นชุด ที่มีถุงเท้าในตัว และมีกระดุมที่ขากับก้น เพื่อความสะดวกในการเปลี่ยนผ้าอ้อมสำเร็จรูป
- ใส่ถุงมือ ที่หนาพอสมควร
- ใส่เสื้อกันหนาวชั้นนอก
- ใส่หมวก
- ใส่กระเป๋า
สบายตัว หรือโดนขัดใจบังคับให้ยัดแขนใส่โน่นใส่นี่ พ่อแม่ก็จะหยุดด้วยความกลัวว่าคิดว่าผมจะเจ็บ ใส่ๆ
หยุดๆ กว่าจะเสร็จได้ก็กินเวลานานมาก ในครั้งแรกนี้เนื่องจากย่าเยอรมันรออยู่ (ต้องไปทำงานต่อ ทิ้งงาน
มารับผมทีเดียว ย่าใจดีกับผมากๆ) และชุดนอกที่พ่อซื้อให้นั้นใหญ่มากๆ ผลที่ได้จึงออกมาดังรูปข้างล่าง
รูปทางซ้ายคือตอนปกติ รูปทางขวามือคือพร้อมที่จะออกแล้ว


ช่วงแรกๆ นี้เสียงร้องของผมจะน่าสงสารมากจริงๆ นะ พ่อกับแม่จึงไม่ค่อยกล้าทำอะไรแรง ผิดกันกับคุณ
พยาบาลที่ทำผมแบบรุนแรงมากเลย นัยว่ายิ่งเร็วยิ่งทำให้ผมได้รับความเจ็บปวดน้อย
7 Kommentare:
รูปนี้น่ารักโคตรอะ
พ่อก็น่ารักนะ
-_-''
ตรงแก้มนี่เป็นอะไรเหรอครับ ปานเหรอ
หมอทำยาหยดใส่ (มุก) ปานครับ แต่ตอนแรกเกิดไม่มี
ที่นั่นค่ากินกับค่าอยู่เดือนประมาณกี่ euro อ่ะ?
แล้วค่าเช่าบ้านในโซนที่ถูกๆของ Magdeburg ประมาณเท่าไหร่พอรู้ป่าว เห็นราคากระเป๋าใบตั้ง 59 นึกถึงเงินเดือน 1000 แลกกับได้เขียน ObjC จะคุ้มเหรอวะเนี่ย
ที่ Hamburg ที่พี่จอยอยู่ 3 ชีวิตใช้ประมาณเดือนละ 900ยูโร นี่รวมทุกอย่างแล้ว (ค่าประกันสุขภาพเดือนละ
160 ยูโร) ค่าเช่าบ้าน 2 ห้อง (ไม่รวมครัวกับห้อง
น้ำ) 47 ตารางเมตร ก็ประมาณ 450 ยูโร รวมน้ำไฟด้วย
ถ้าทำกับข้าวกินเอง 200 ยูโร ก็อยู่สบายๆ นะ (3 คน)
เงินพันยูโรตัวคนเดียว กินเที่ยวด้วย น่าจะอยู่สบายๆ
น้องๆ ที่นี้ 500-700 ยูโร ก็พออยู่ แต่ถ้าอยากกินดีอยู่ดี
หน่อย ต้องหมั่นอ่านใบปลิวเพื่อดูของลดราคา และซื้อ
ของเมื่อมันลดราคา ซึ่งมันมีบ่อยมากๆ
ปล. สินค้าสำหรับเด็กมันแพงมากกว่าปกติน่ะ
ขอบคุณจ้ะ อยู่โน่นคงไม่ได้เที่ยวหรอก อีกสองสามปีอาจจะไปแต่คงดูสถานการณ์ก่อน ปีนี้โดนจองตัวสอนหนังสือที่นี่
Kommentar veröffentlichen