10/08/2005

โรงแรมนรก ตอนที่ 2



ชายร่างผอมสูง แก้มตอก ปรากฎกายอยู่เบื้องหน้าผม แสงสลัวจากภายในโรงแรม
และความมืดยามโพล้เพล้ทำให้ผมมองไม่เห็นหน้าของเขาชัดเจนนัก หลังจากที่ปรากฎ
กายอย่างไม่เป็นมิตรนัก เขาก็พาพวกเราเข้าไปยังเคาน์เตอร์อย่างไม่เต็มใจนัก พ่อเดิน
ตามชายผู้นั้นโดยไม่รู้สึกอะไร ในขณะที่ผมกลัวจนอึจะราดอยู่แล้ว ก็คงไม่แปลกถ้า
มันจะราดออกมาตอนนี้ เพราะนับตั้งแต่ตอนเช้าบนรถไฟ ผมก็ไม่ได้สัมผัสความรู้สึก
นั้นอีกเลย เวลายังคงเดินตามหน้าที่ของมัน แต่ผมกลับรู้สึกว่ามันไม่ได้ทำหน้าที่ของ
มันดีนัก ในขณะที่พ่อต่อรองกับชายน่ากลัวคนนั้นอยู่ ก็ยังมีผู้หญิงอ้วนอีกคนเข้ามา
สมทบ เธอพูดอะไรสักอย่างเสียงแผ่วเบากับชายคนนั้น ก่อนที่จะหันมาแสยะยิ้มอย่าง
หน้ากลัวให้ผม ผมไม่แน่ใจว่าผมตาฝาดหรือเปล่า ผมเห็นเธอเอาลิ้นเลียริมฝีปากล่าง
ทุกครั้งที่มองมายังผม



เราได้รับอนุญาตให้เอารถเข็นของผมวางไว้ชั้นล่างได้ หลังจากนั้นไม่นานผมก็ถูกยก
ตัวขึ้น แล้วพ่อก็พาผมกับแม่ขึ้นไปยังห้อง ผมเองแทบไม่เชื่อสายตาตัวเองว่าสถาปนิก
หรือช่างฝีมือคนใดในโลกจะออกแบบโรงแรมให้มีลักษณะอย่างนี้ได้ มันเป็นบันได
ปกติที่มีขั้นแคบและสูงชัน จะดีหน่อยก็ตรงที่มันปูพรหมไปตลอด ในขณะที่พ่อพาผม
ขึ้นบันไดไปนั้น ผมเองก็อดหันไปมองข้างล่างไม่ได้ หน้าของหญิงอ้วนคนนั้นยังคง
ฝังใจผมอยู่



ผมถูกวางลงบนเตียงที่ปูด้วยผ้าลินินสีน้ำเงินเข้ม ด้วยความที่อึดอัดอยู่บนรถเป็นเวลา
นาน ผมจึงได้โอกาสกลิ้งตัวไปบนเตียงอย่างสนุกสนาน พ่อและแม่มองผมด้วยสาย
ตาประหลาดปนปิติ ก็เพราะตั้งแต่เกิดมาผมเองยังไม่เคยขยับตัวได้ดังใจมากมายขนาด
นี้มาก่อนเลย ว่าแล้วพ่อก็ล้มตัวลงนอนข้างๆ ผม ก่อนจะรวบรวมพลังลุกขึ้นเพื่อกลับ
ไปเอาของข้างล่างที่ยังเหลืออยู่ ไม่นึกเลยว่าพ่อเองก็กลัวสาวอ้วนคนนั้นเหมือนกัน
ก็พ่อขึ้นมาพร้อมกับกระเป๋าใบใหญ่ พอมาถึงหน้าห้องก็รีบเคาะประตูเรียกแม่อย่าง
รวดเร็ว ปากก็หอบไปด้วย ก่อนล้มตัวลงนอนข้างๆ ผมด้วยความตื่นตระหนก



ผมรู้สึกเป็นสุขที่โรงแรมแห่งนี้มาก เพราะผมได้กลิ้งไปกลิ้งมาบนเตียงผ้าลินินสี่น้ำเงิน
เข้มได้อย่างอิสระ ในขณะที่เมื่อออกไปนอกโรงแรม ผมทำอะไรไม่ได้นอกจากนอน
อยู่ในรถเข็น ภายใต้สภาพอากาศที่บัดเดี๋ยวร้อนบัดเดี๋ยวหนาว ขณะที่พ่อและแม่
กำลังจัดของ และเตรียมที่จะพักผ่อน สาวหน้าแป้นก็ส่งข้อความมาทางโทรศัพท์เพื่อ
แจ้งให้เราทราบว่าพรุ่งนี้เจอกันเก้าโมงเช้า เป็นอันว่ามีผมคนเดียวที่ได้กินข้าวเช้าใน
ขณะที่พ่อกับแม่ทำได้แค่เข้าห้องน้ำ เพราะกว่าครัวจะเปิดในวันหยุดอย่างนี้ก็เก้าโมง
แล้ว



พ่อตื่นอย่างไม่ค่อยเต็มใจนักไปทำธุระแล้วมาเปลี่ยนกับแม่ ผมเองเฝ้าดูแม่เก็บ
ข้าวของอย่างละเอียดถี่ถ้วน ทำให้รู้สึกปลอดภัยอย่างบอกไม่ถูก พ่อเองทำได้แค่
ดูแลข้าวของของตัวเองเท่านั้น เพียงเพื่อไม่ให้ภาระของแม่เพิ่มมากขึ้น พ่อเคยพูด
ไว้กับเพื่อนคนหนึ่งตอนไปประชุมว่า "เวลาดูว่าใครมีเมียหรือไม่มีเมียนะ ให้ดูที่เสื้อ
ผ้าที่ใส่วันที่สอง ถ้ายับหล่ะก็โสดแน่นอน ส่วนพวกที่ไม่ยับก็มีเมียแล้ว ถ้าใครไม่
มีเมียแล้วดันใส่เสื้อผ้าเรียบวันที่สอง ก็ตุ๊ดแน่นอน" ไอ้เพื่อนคนที่พ่อคุยด้วยสะดุ้ง
โหยง เพราะมันโสดและใส่เสื้อผ้าเรียบ จริงๆ แล้วการที่เสื้อผ้าเรียบได้นั้นก็เพราะ
ว่าแม่พับเสื้อผ้าเป็น ในขณะที่ผู้ชายทั่วไปจะผับเสื้อผ้าใส่กระเป๋าเดินทางอย่างไร
ก็ไม่เรียบนั่นเอง เมื่อเรียบร้อยแล้วพ่อก็ทยอยขนข้าวของที่ถูกแบ่งออกเป็นสาม
ส่วน เอาลงไปข้างล่างทีละสองชิ้น ซึ่งมีผมเป็นชิ้นสุดท้ายเพื่อความปลอดภัย



ตอนเช้าวันอาทิตย์ช่างเงียบเหงาไร้ผู้คนสิ้นดี สภาวะจิตใจของแม่ตอนนี้ไม่ค่อย
ดีนัก เพราะอ่อนเพลียและผิดหวังกับที่พักพอสมควร ด้วยเงินที่จ่ายไปมันควรจะ
ดีกว่านี้ พ่อเข้าใจความรู้สึกของภรรยาสุดที่รักดีจึงโชว์ความสามารถนำทางไป
สถานีรถรางได้โดยไม่ต้องดูแผนที่ แน่นอนไม่หลง พ่อหันไปมองแม่แล้วบอก
"ฉันไม่ใช่ไอ้ริกนะ" เรารอรถรางนานพอสมควรและก็ไปถึงที่นัดหมายทันเวลา
แบบเฉียดฉิว และแล้วสาวหน้าแป้นก็ส่งข้อความมาบอกว่าเวลานัดเลื่อนออกไป
อีกหนึ่งชั่วโมง -_-!

1 Kommentar:

Anonym hat gesagt…

น้องดูโตขึ้นมากแล้วนะครับ :)