8/26/2005

โรงแรมนรก



เอาเป็นว่าเราขึ้นเรือได้ อากาศ
ที่นี่ก็ไม่ค่อยเป็นใจต่อการนั่ง
เรือนัก ลมค่อนข้างแรง แดด
ออกแต่หนาวจับใจ ถ้าเราเข้า
ไปในตัวเรือที่มีหลังคาก็จะร้อน
ไม่สบายตัวอีก การเดินทาง
โดยเรือหางสั้นลำนี้ค่อนข้าง
จะสบายแต่ช้าด้วยเหตุุุนี้เอง
ผมจึงถูกจับไปนั่งที่โน่นทีที่นี่
ทีประหนึ่งว่าผมเป็นของเล่น
ก็ไม่ปาน พวกพี่ๆ แวะเวียนมา
เล่นด้วยตลอด บ้างก็มาถ่าย
รูป บ้างก็มาเล่นตลกให้ดู ผม
ก็ได้แต่ขำๆ นะ แต่ยังโตไม่
พอที่จะขำอะไรได้มากนัก
ตอนอยู่บนเรือผม


ร้องงอแงบ้าง แต่ไม่มาก จำได้ว่าร้องครั้งไหนเป็นได้กินนมทุกครั้ง พ่ออุ้มไปเดินเล่นบ้าง
ที่กาบเรือด้านนอก เสียวจับใจเพราะลมแรงแต่ก็สนุกดี พ่อเคยจำฝังใจในอดีตว่าเคยโดน
พ่อแกล้งจับยกขึ้นเหนือบ่องูที่เชียงใหม่ กลัวฝังใจก็เลยไม่กล้าเล่นจับผมออกไปนอกตัว
เรือเลยซักครั้ง ก็ดีไปจะได้ไม่มีประสบการณ์เสียวฝังใจไปจนโต การนั่งเรือนานๆ ที่มีเสียง
บรรยายถึงสิ่งก่อสร้างรอบข้างที่ฟังไม่รู้เรื่อง สำหรับผมแล้วมันเป็นเรื่องน่าเบื่อมาก ก็เพราะ
ผมยังไปไหนมาไหนเองไม่ได้ ร่างกายมันช่างไม่เป็นใจเอาเสียเลย ถึงแม้ว่าผมจะพยายาม
ขยับอย่างไร แขนขามันก็ไม่มีเรี่ยวแรง พอที่จะยกตัวผมขึ้นไปไหนมาไหนได้ ผมทำได้ก็
แต่ร้องเรียกให้พ่อกับแม่อุ้มเดินไปไหนต่อไหน บางครั้งก็ได้ผล บางครั้งก็ได้นมมายัดปาก
แทน ถ้านมหมดก็จะได้จุกนมหลอกใส่ปากเป็นอันว่าอิสรภาพหมดลงตรงนั้น



เรื่องราวหลังจากนี้ผมรู้ว่าพ่อกับแม่และพี่ๆ สนุกกันมาก สำหรับผมนั้นไม่สนุกเลยอากาศ
มันเดี๋ยวร้อนเดี๋ยวหนาว และผมก็อ่อนเพลียมากทำให้ผมหลับไปตลอดทาง ถึงแม้ว่าจะมี
เสียงหัวเราะหยอกเย้าดังมาเข้าหูเป็นระยะๆ แต่นั้นก็ไม่ได้ทำให้ผมใส่ใจได้ เมื่อผมตื่นขึ้น
มาผมก็พบกับเรือลำเดิมพบกับพวกพี่ชุดเดิมๆ สิ่งที่เปลี่ยนไปมีเพียงลีลา และที่น่าแปลก
ใจมากคือพลังของพวกพี่ๆ ไม่เคยตกในขณะที่พลังงานของผมหมดลงไปนานแล้ว



เมื่อขึ้นจากเรือแล้ว เราก็เดินเที่ยวกันต่อก่อนที่จะแยกย้ายกันไปยังที่พัก มันเป็นโรงแรม
ที่ไม่มีดาวแต่ราคาแพงใช้ได้อยู่ รถเข็นคันเก่งพาร่างกายอันไร้เรี่ยวแรงของผมไปเรื่อยๆ
โรงแรมนั้นหายากเอาการอยู่ แต่พอพวกเราตั้งหลักหาเลขที่ตึกเจอ อะไรๆ ก็ง่ายไปหมด
พ่อซึ่งเคยผ่านแต่ B&B ที่อังกฤษมา ก็ยังคิดอยู่ในใจว่าไอ้ราคา 70 ยูโรต่อหนึ่งคืน มันต้อง
มีอะไรเทียบเคียงได้กับ 50 ปอนด์ที่อังกฤษได้ จึงมิได้คิดอะไรนับตั้งแต่จองโรงแรมแล้ว



พวกเราพากันเดินต่อไปตามถนนที่สามารถมองทะลุยาวไปข้างหน้าได้สุดลูกหูลูกตา หมาย
เลขป้ายบอกเลขตรงกับแผ่นกระดาษที่พิมพ์ไว้ เบื้องหน้าของพวกเราเป็นตึกสูงสี่ชั้นเป็น
แถวต่อกันยาวเหยียด พ่อรู้สึกผิดหวังเล็กน้อยที่มันแค่คูหาเดียว แสงแดดที่ลับขอบฟ้าไป
แล้วทำให้สภาพของโรงแรมดูวังเวง พ่อกดกระดิ่งหลายครั้ง พนักงานก็ยังไม่ลงมาเปิด
ประตู พ่อหันหน้าไปหาลูกคณะสองสามทีเพื่อให้แน่ใจว่าคนอื่นๆ ยังเต็มใจรอกันอยู่ เวลา
ผ่านไปอีกไม่นาน เจ้าของโรงแรมผอมสูงพาหน้าที่มีแต่หนังหุ้มกระดูกโผล่ออก ก่อนบอก
ว่าประตูมันเสียยังไม่ได้ซ่อม ก่อนที่จะพาพวกเราขึ้นไปบนโรงแรม



ตัวตึกแคบๆ ของโรงแรมยังถูกแบ่งส่วนหนึ่งเป็นส่วนต้อนรับ อีกครึ่งหนึ่งคือบันได ....

1 Kommentar:

Anonym hat gesagt…
Der Kommentar wurde von einem Blog-Administrator entfernt.