11/22/2004

อย่ามาอำผมนะ ผมรู้ทัน



ไม่นึกเลยคุณย่าเยอรมัน ที่อายุเลยห้าสิบห้าแล้ว ยังดูแข็งแรงและมั่นคงไม่แสดงอาการตกใจใดๆ ทั้งสิ้น
รถญี่ปุ่นคันใหญ่สี่ประตูสี่ที่นั่ง นำพาสามชีวิตไปหาชีวิตน้อยๆที่สี่อย่างรวดเร็ว แม่ที่เคยแสดงอาการเจ็บจน
ทนไม่ไหวหลายครั้ง เมื่อเจอหน้าคุณย่าแล้วแม่ก็รู้สึกเหมือนเจอแม่แท้ๆ ของตัวเอง ด้วยกำลังใจนี่เอง
ทำให้อาการเจ็บปวดที่เคยมีถี่ทุกๆ 7 นาที เริ่มบรรเทาเบาบางลง

คุณย่ามีลูกสาวอายุ 17 ปี เพียงคนเดียว แต่ดูเหมือนเธอมีประสบการณ์มากมาย และพร้อมที่จะให้คำแนะ
นำได้ทุกเวลา พ่อเองตอนนี้นอกจากภาษาเยอรมันที่ไม่รู้เอาซะเลย ภาษาอังกฤษที่งูๆ ปลาๆ อยู่แล้วก็ดู
เหมือนมันจะหายไปหมด ซึ่งนี่มันสร้างปัญหาอย่างมากเลย

แม่ถูกพาไปนั่งยังที่พักผู้ป่วย ในขณะที่พ่อเจรจาเรื่องประกันโดยที่ย่าเยอรมันไปหาที่จอดรถ พ่อมีความรู้
ภาษาเยอรมันน้อยมาก แต่มีความสามารถพิเศษในการสื่อสาร ถึงแม้พ่อจะฟังไม่รู้เรื่องว่าผู้พูดพูดอะไรแต่
พ่อก็เข้าใจบริบทมากกว่า 70 % พ่อสามารถยื่นเอกสารที่เจ้าหน้าที่ร้องขอ แล้วบอกให้เจ้าหน้าที่รอย่า
เพื่อให้การสื่อสารเข้าใจกันได้ครบถ้วน

ผ่านไปร่วม 20 นาที ทุกอย่างก็เรียบร้อย พ่อคุยกับเจ้าหน้าที่ไม่รู้เรื่อง คุณย่ายังไม่มา ในขณะที่แม่นั่งทุรน
ทุึรายและกังวลกลัวว่าพ่อจะทำอะไรผิด ซึ่งนั่นหมายถึงเงินเรือนแสนที่ต้องจ่ายเพื่อการทำคลอด ถ้าหาก
มีอะไรผิดพลาด ก่อนที่ทุกอย่างจะสาย คุณย่าเยอรมันก็ลากสังขารของคนแก่ที่ขาไม่ค่อยดีขึ้นเขามาเจรจา
กับเจ้าหน้าที่ เมื่อเสร็จเรียบร้อย เจ้าหน้าที่ก็ทำหน้าที่อย่างสมเกียรติคือชี้มือให้เราเดินไปทางนั้นแล้วขึ้น
บันไดไปหาห้องทำคลอดเอาเอง ถึงต้องนี้พ่อหันมามองหน้าแม่แล้วบ่นพรึมพรำว่า ขนาดโรงพยาบาลของ
รัฐที่แย่ที่สุดของเมืองไทยยังบริการดีกว่านี้เลย

ภาพเดิมๆ ของแม่เหมือนตอนที่ไปหาหมอประจำเดือนก็คือ แม่ต้องถูกจับวัดการบีบตัว
ของมดลูก รวมทั้งวัดดูการเต้นหัวใจของผมว่ายังเต้นดีอยู่หรือเปล่า การตรวจนี้กินเวลาประมาณ 30 นาที คุณ
ย่าเยอรมันถูกขอร้องให้มานั่งเป็นเพื่อนแม่ในห้อง ทั้งนี้อย่างน้อยเราจะได้มีคนคุยด้วย ในขณะที่แม่ต้องทน
กับอาการเจ็บปวดนั้น เราก็คุยกันไปเรื่อยในทุกๆ เรื่อง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของ J. W. Bush ไปจนกระทั้งเงินเดือน
ของ Prof. ผมเองขณะที่พยายามดันหัวออกให้พ้นช่องคลอดอันน้อยนิดของแม่ ก็เลยได้ฟังเรื่องเหล่านี้ไปด้วย

หลังจาก 30 นาทีอันอึมครึมผ่านไป อาการของแม่ก็ดูเหมือนจะทรงๆ บางทีอาการปวดก็ดูเหมือนว่ามันจะน้อย
ลงไปด้วยซ้ำ ทั้งนี้พ่อบอกกับย่าเยอรมันว่า น่าจะเป็นเพราะมีย่าเยอรมันอยู่ด้วยแม่จึงไม่เจ็บปวดมาก ในขณะ
นั้นเอง น้องสาวของโรงพยาบาล(แม่ว่างั้น)ก็เดินเข้ามา ในมือมีขวดน้ำยาบางอย่าง เธอใส่ถุงมือพลาสติกแล้ว
ก็เอาน้ำยาสีม่วงนั้นทาไปที่นิ้ว เธอบอกกับย่าเยอรมันว่า เธอจะตรวจดูช่องคลอดว่าเปิดพอหรือไม่ ถ้าไม่พอก็
จะให้ออกไปเดินเล่นซักชั่วโมง แล้วกลับมาตรวจอีกที ถ้ายังไม่เปิดอีกก็จะให้กลับบ้าน ซึ่งคนที่จะตรวจคนต่อ
ไปนั้นไม่ใช่เธอแล้วนะ แต่เป็นเพื่อนของเธอ ว่าแล้วเธอก็บรรจงแหย่นิ้วน้อยๆ ของเธอเข้าไปในช่องคลอดผม
สิ่งที่เธอหานั้นไม่ใช่อะไรที่ไหน แต่เป็นหัวของผมนั่นเอง เธอคำอยู่นานสองนานแล้วทำหน้าไม่ค่อยมั่นใจ ว่า
แล้วเธอก็ลองอีกที ช่วงที่จะลองอีกทีนั้นเธอต้องเอานิ้วออกมาก่อน ภาพที่เห็นคือนิ้วเปื้อนเลือดข้นๆ ของแม่
ถึงตอนนี้พ่อเบือนหน้าหนีตามปกติ ก็พ่อเห็นเลือดไม่ได้มานานแล้ว น้องสาวของโรงพยาบาลได้พยายามลอง
ใหม่อีกครั้ง คราวนี้เธอสามารถวัดความกว้างของช่องคลอดที่เิปิดแล้วได้ 1-2 เซนติเมตร โดยที่เธอสรุปว่าอะไร
ก็เกิดขึ้นได้ทั้งนั้น ขอให้ไปเดินเล่นซักชั่วโมงก่อนแล้วค่อยว่ากัน


Keine Kommentare: