11/30/2004

กว่าหัวจะถึงตูด ก็แทบจะทนไม่ไหว


หลังจากที่พ่อแนะนำแม่ว่าแทนที่จะไปเดินเล่น ไปกินไก่ KFC กับพ่อดีกว่า แม่ก็ตกลงทันทีโดยที่พ่อไม่
ได้คิดเลยว่า พ่อจะต้องมาใช้ชีวิตอยู่ที่หน้าร้าน KFC ร้านนี้อีกเป็นเวลาหนึ่งอาทิตย์ ร้าน KFC ที่นี้ก็คง
เหมือนกันร้านขายไก่ทอดทั่วไปในยุโรป คือไม่มีมีดหรือช้อนส้อมใดๆ ทั้งสิ้น ที่แย่ไปกว่านั้นก็คือที่นี่
ไม่มีกระดาษชุปแอลกอฮอล์เช็ดมือให้ เรื่องซ๊อสมะเขือไม่ว่าจะมะเขือไทยหรือมะเขือเทศต้องจ่ายเงิน
เพิ่มทั้งนั้น แม่บ่นและนึกถึงเมืองไทยขึ้นมาทันที วันนี้เป็นครั้งแรกที่แผ่นดินเยอรมันที่เราได้นั่งกินไก่ทอด
ในร้าน ซึ่งหาไม่ได้ง่ายนัก ปกติถ้านักเรียนไทยมีอันต้องผ่านมาที่โรงพยาบาลแห่งนี้หล่ะก็ สิ่งที่ต้องทำก็
คือแวะกินไก่ที่ร้านนี้ ความโชคดีก็คือวันนี้เป็นวันพฤหัสบดี ไม่ใช่ว่าไม่ต้องสระผม แต่เป็นเพราะวันนี้เป็น
วันไก่ทอด เราสามารถซื้อไก่ทอดหกชิ้นได้ในราคาไม่แพง นอกจากนี้ที่ร้านนี้ยังใช้ระบบน้ำแก้วเดียวเติม
กี่ครั้งก็ได้ เราก็เลยใช้วิธีซื้อแก้วเดียวกินสามคนซะเลย (สายสะดือยังไม่หลุดแม่กินอะไรผมก็ได้ด้วย อิ อิ)

แม่ทนกินไก่ได้แค่สองชิ้น ในขณะที่พ่อสี่ชิ้นก็แค่ตึงๆ พ่อรีบกินเพราะไม่ต้องการให้แม่รอ เพาะสภาพของ
แม่ตอนนี้ก็คือพลิกแล้วพลิกอีก แต่ไม่ว่าจะพลิกท่าไหน มันก็ยังปวดอยู่ดี อาการปวดก็ดูเหมือนจะถี่ขึ้นและ
มากขึ้น เมื่อจัดการเก็บถาดและขยะไปเข้าชั้นเรียบร้อย (พ่อไม่ค่อยเห็นด้วยกับการเก็บของเข้าชั้นของร้าน
อาหารพวกนี้เท่าไหร่ เพราะนอกจากต้องบริการตัวเองแล้ว ราคาอาหารก็ยังแพงกว่าปกติอีกด้วย) ภาพที่น่า
ประทับใจสำหรับคนทั่วไปก็คือ ชาวไทยตัวเล็กๆ สองคนพร้อมทั้งลูกในท้องที่กำลังจะคลอด คนหนึ่งเดิน
ด้วยสีหน้าแสดงอาการเจ็บปวด ในขณะที่ชายไทยรูปหล่อคอยประคองอยู่มิได้ห่าง ระยะทางขึ้นเขาเพียงแค่
สองร้อยเมตรนั้นไม่ได้เป็นอุปสรรคสำหรับเราเลย

พ่อกับแม่มาถึงโรงพยาบาลก่อนเวลานัดประมาณ 15 นาที ในขณะที่ย่าเยอรมันนั่งจิบกาแฟอ่่านหนังสือพิมพ์
อยู่ พ่อบอกกับย่าว่าเดี๋ยวจะไปเดินเล่นที่สวนแล้วอีกสิบนาทีค่อยไปหาพยาบาลด้วยกัน จากนั้นแม่ก็เดินวนไป
วนมารอบสวนในขณะที่อุณหภูมิภายนอกอยู่แถวๆ เลขสิบ แน่นอนพ่อหนาว ในขณะที่่แม่ปวดมากกว่าหนาว
และคราวนี้ผมก็กวนแม่ทุกๆ 5 นาทีแล้ว พ่อจับเวลาให้แม่ด้วย เมื่อได้เวลาพ่อก็จะบอกให้แม่เตรียมตัวก่อนที่
ความเจ็บปวดจะมาเยือน

นางพยาบาลซึ่งมีประสบการณ์ทำคลอดมากว่า 25 ปี ได้แนะนำวิธีการหายใจ
เพื่อลดความเจ็บปวด และแนะนำให้แม่ยืน รวมทั้งบอกให้พ่อไปโอบแม่เมื่อความปวดเกิดขึ้น ทั้งนี้และทั้งนั้น
แม่จะต้องรออีกไม่น้อยกว่า 30 นาที คือต้องวัดการรัดตัวของมดลูกและต้องวัดหัวใจเกินร้อยของผมด้วย นั่น
หลังจากครบสามสิบนาทีแล้ว นางพยาบาลคนเดิมที่ใจดีและมีประสบการณ์ก็มาล้วงปากมดลูกแม่อีกครั้ง และ
ไม่ผิดแน่ก็คือคลอดวันนี้ในอีกไม่เกินสองชั่วโมง แต่แม่ยังต้องรอต่อไปเพราะอ่างน้ำยังไม่เสร็จ มีคนคลอด
ก่อนหน้าและต้องใช้เวลาทำความสะอาดอีกไม่น้อยกว่า 15 นาที ขณะที่รอนั้นมีเหตุการณ์ตื่นเต้นหลายอย่าง
เช่น หัวใจผมจากที่เคยเต้นเวลาตื่น 140-160 ครั้งต่อนาที กลับลดลงเหลือแค่ 80 ครั้ง หรือแม่เจ็บจนทนไม่
ไหว ไม่ว่าจะพลิกซ้ายพลิกขวา มีบ้างที่หงุดหงิดเวลาพ่อทำอะไรให้ไม่ทันใจ ก็พ่อดูงุ่มง่ามเหลือเกิน เรื่องหัว
ใจเต้นไม่มีปัญหา สาเหตุเป็นเพราะการวางตำแหน่งตัววัดผิดที่ ดันไปวัดของแม่ ส่วนเรื่องความปวดของแม่ก็
แก้ด้วยการเอาหินร้อนมาประคบบริเวณหลัง ก็ช่วยบรรเทาไปได้เยอะ

ความตรึงเครียดเริ่มเกิดขึ้นมาอีก แม่เยอรมันต้องกลับแล้ว เธอมีนัดกลับลูกสาวต้องไปรับแมว แต่เธอกำชับว่า
เธอสามารถมาได้ภายใน 15 นาที ขอให้โทรตาม พ่อรู้ชะตากรรมทันทีว่าเมื่อไม่มีคนชวนแม่คุย แม่ต้องเจ็บ
ปวดมากขึ้น และความไม่ได้เรื่องของพ่อย่อมต้องทำให้แม่หงุดหงิดและอาการปวดก็คงไม่ลดลง ช่วงที่รอก็ยัง
ดีที่มีเรื่องที่ทำให้แม่ลืมความเจ็บปวดไปได้บ้าง เช่นกระดาษของเครื่องวัดหมด หรือเรื่องที่แม่ถามพยาบาลว่า
ต้องสวนทวารหนักหรือไม่ คำตอบก็คือพยาบาลทำหน้างงๆ ว่าทำไมต้องด้วย อึมันก็เรื่องธรรมชาติอยู่แล้วนี่
ทำไมเหรอ แล้วก็ถามแม่ว่า เมื่อเช้าเธอไม่ได้เข้าห้องน้ำเหรอ หลังจากที่เธอไปแล้ว เราก็หันมามองหน้ากัน
เพราะแม่รู้มาว่าที่เมืองไทย ก่อนคลอดต้องมีการสวนทวารหนักเพื่อเอาอึออกจากตูดก่อน คงเพราะหมอไม่อยาก
เอาอึไปป้ายพยาบาลเ่ล่น นอกจากนั้นขนเพชรก็ต้องโกนออกด้วย ซึ่งถือเป็นเรื่องปกติมากในการรักษาความ
สะอาด แต่ที่เยอรมันทุกอย่างต้องธรรมชาติครับผม

3 Kommentare:

the ancient hat gesagt…

พยายามจะ comment มาหลายวันแล้ว แต่ไม่่รู้จะ comment อะไร

แต่วันนี้ comment เพราะไม่รู้เรื่อง...

ทำไมต้องร้องไห้กันก็ไม่รู้ จะเป็นน้ำตาแห่งความปิติหรือความทุกข์ก็ไม่รู้
แต่ความสุขเกิดขึ้น ตั้งอยู่ ดับไป ซึ่งความทุกข์ก็เหมือนกัน

Beamer User hat gesagt…

การร้องไห้ก็เป็นธรรม

Anonym hat gesagt…

การร้องไห้คือภาษาอันแรกที่มนุษย์เริ่มรู้จักใช้สื่อสารมั้ง..ใช่ป่าวหว่า..

การร้องไห้ในเด็กเป็นการสื่อสารอย่างหนึ่ง..เหมือนกับภาษาๆนึง

แต่กับผู้ใหญ่ การร้องไห้นี่ ซับซ้อนกว่าเยอะเลย
มีอารมณ์ที่ทับถมกันเยอะแยะไปหมด..เฮ้อ

ตอนเป็นเด็กก็อยากโต พอโตแล้วก็อยากเด็ก ..ฮ่วย