8/03/2005

ไปตามหากังหันลม 1


ท้องฟ้าบางส่วนเปลี่ยนเป็นสีดำทึมๆ หลายคนคงคิดไปว่าฝน
จะตกในไม่ช้า น่าแปลกที่คราวนี้พ่อไม่ได้แสดงความกังวล
ใดๆ ให้เห็น คงเป็นเพราะมัวสาละวนกับการโทรศัพท์ไปแกล้ง
เพื่อนร่วมชะตากรรม คนที่ต้องรับเคราะห์กับมุกที่แม่เรียกว่า
มุขเถื่อนๆ ก็ไม่ใช่ใคร ยังคงเป็นพี่ริกสุดที่รักของพ่อนั่นเอง
พ่อหัวเราะชอบใจ ก่อนจะถูกทำให้หน้าจ๋อยเมื่อได้รับสาระ
ว่าคนโทรจะต้องเสียเงินด้วย

หนึ่งชั่วโมงก่อนหน้านี้ พ่อยังนั่งง่วงอยู่บนเจ้ามังกรสีขาวตัวยาว
อยู่เลย อากาศที่สดใสยามเช้าคงทำหน้าที่เป็นยารักษาความ
ง่วงที่ดีมากอันหนึ่ง ตัวผมเองยังคงทำตามปรือด้วยความง่วงอยู่
โดยปกติแล้ว ชีวิตในวัยทารกของผมไม่ค่อยได้ตื่นเช้ามากนัก แม่มักจะชักชูงให้ผมหลับต่อเสมอ วันนี้คงเป็นวัน
หนึ่งที่อาจจะมีไม่บ่อยนักที่ผมต้องตื่น เจ้ามังกรอีกตัวมันกำลังจะมารับผม เพื่อพาผมออกไปยังดินแดนที่ไม่ใช่
แผ่นดินเกิดของผม

สักพักใหญ่ โดยไม่ต้องรอให้เข็มวินาทีเคลื่อนเลยกำหนดการ เจ้ามังกรตัวยาวสีขาวมัวๆ ตัวใหม่เคลื่อนกายเข้า
มาอย่างรวดเร็ว ถึงแม้มันจะไม่ขาวนวลสว่างเหมือนอย่างเจ้าตัวแรก แต่ถ้าไม่สังเกตมากเกินไปหน้าตาของมัน
ก็ไม่ได้ต่างอะไรกับตัวแรกมากนัก คราวนี้ครอบครัวเราไม่พลาด เป็นแม่อีกเ่ช่นเคยที่รู้ล่วงหน้าว่าส่วนลำตัวตรง
ไหนที่มีห้องพักสำหรับคนมีเด็กเล็ก ด้วยความฉลาดเช่นนี้ของแม่กระมังที่ทำให้แม่เลือกพ่อเป็นพ่อของผม แม่
นำพวกเราไปสู้เป้าหมายได้อย่างแม่นยำ

พี่เอกทำหน้าที่ช่วยยกรถเข็นคันเดิมแต่คราวนี้เปี่ยมไปด้วยสัมภาระหนักอึ้งเหมือนเคย ตู้โดยสารที่เราเข้าไปนั่ง
คราวนี้นอกจากจะเป็นห้องที่มีผนังกระจกปิด มีที่นั่งหกที่เหมาะสำหรับกิจกรรมสี่คนขึ้นไปแทบทุกประเภท ตัว
ผมเองไม่ได้รับอนุญาตให้นั่งอยู่ในรถ แต่ถูกจับเปลี่ยนอิริยาบถให้ไปนอนอยู่บนโต๊ะสี่เหลี่ยมกลางห้องแทน
พี่ริกกับพี่โซ่เข้ามานั่งกับเรา

ช่วงหลายอาทิตย์ที่ผ่านมา ผมพูดน้อยลง ยิ่งได้ออกมาผจญโลกภายนอกอย่างนี้แล้วผมก็ยิ่งไม่อยากพูด ได้
แต่มองไปรอบๆ และสังเกตโลกที่เปลี่ยนไปเท่านั้น ผมพบว่าบางครั้งบางคราวเจ้ามังกรก็หยุดไม่เคลื่อนไหว
บางครั้งก็วิ่งไปข้างหน้าช้าๆ สภาพรอบด้านก็เปลี่ยนไปเปลี่ยนมาจากป่าบ้าง ทุ่งนาบ้าง บรรยากาศน่านอนอย่างนี้
กลับไม่ทำให้พ่อรู้สึกง่วงเลย พ่อมีกิจกรรมให้ทำสลับสับเปลี่ยนกันไปตลอดทาง พ่อเปลี่ยนจากอุ้มผมคุยกับผม
เปลี่ยนไปมองหน้าทำตาซึ้งให้แม่บ้าง บางครั้งพ่อก็ทำท่าง่วง แม่ก็สลับเอาผมไปอุ้ม เป็นอย่างนี้ไปตลอดทาง เวลาผ่านไปหลายชั่วโมงท้องฟ้าก็เริ่มเปลี่ยนสี เสียงสัญญาณจากโทรศัพท์ซีเมนส์ M65 ที่พ่อรักมันน้อยกว่าผม
ไม่มากนัก ก็ดังขึ้นสองที นี่ไม่ใ่ช่สัญญาณธรรมดาที่เกิดขึ้นบ่อยๆ แต่เป็นเสียงสัญญาณที่บอกเราว่าเรากำลังจะ
ข้ามแดนออกนอกแผ่นดินเกิดของย่าเยอรมันแล้ว เกิดการเยาะเย้ยถากถางถึงความดีเด่นของเครื่องรับสัญญาณ
ความถี่สูงขึ้นเป็นระยะ ก่อนที่พ่อจะนึกถึงเรื่องสำคัญขึ้นมาได้ ไม่ใช่มันไม่เกี่ยวกับ passport ของพี่ริก เรื่องนี้เป็นเรื่องที่สำคัญมาก สีหน้าพ่อแสดงความกังวลอย่างเห็นได้ชัด พ่อจ้องมองมาที่ผมเหมือนกับเป็นการส่ง
สัญญาณให้ผมได้รับรู้ว่าเรื่องที่จะเิกิดขึ้นนี้ผมจะมีส่วนเข้่าไปเกี่ยวข้องด้วย.............

3 Kommentare:

NOI hat gesagt…

เรื่องโทรศัพท์ไปแกล้งคน นี่คืออย่างไรเหรอครับ ? (อยากทราบรายละเอียดมากกว่านี้)

รูปถ่ายได้สวยมากเลยครับ ชอบจัง :)

Beamer User hat gesagt…

ก็แค่โทรไปในจังหวะหรือสถานที่ที่คนรับคิดว่าไม่น่ามี
โทรศัพท์มาและให้ดังแค่กริ๊ง สอง สาม กริ๊ง
พอเค้าจะรับก็วางจริงๆ สำหรับคนอื่นอาจจะไม่เห็นสนุกเลย

ผมก็ว่าไม่สนุก แต่ชอบดูอาการรับโทรศัพท์ แต่เวลาเล่น
ต้องเลือกคนหน่อย

NOI hat gesagt…

ขอบคุณสำหรับความกระจ่างครับ :)

ผมเคยทำเหมือนกัน ตอนเป็นนาค นั่งพับเพียบเรียบร้อย เตรียมตัวบวชอยู่ในโบสถ์ ผมก็กดโทรศัพท์ไปหาเพื่อนคนหนึ่งที่นั่งรออยู่ห่างออกไปข้างหน้า เพื่อนก็ตกใจ ยกโทรศัพท์ขึ้นดู ผมก็รีบวางสาย (สมัยนั้นยังไม่มีระบบโชว์เบอร์) แล้วนั่งทำหน้าทะเล้นจนเพื่อนหันมาเห็น :D